หนังสือพิมพ์ นิตยสาร วารสารสำหรับสังคมคนทำงานที่ดีที่สุด
สนใจติตต่อลงโฆษณา โทร. 094-554-6226
อีเมลล์ : workingsociety@hotmail.com

Main Menu


 

สถิติเว็บไซต์

 สถิติวันนี้ 49 คน
 สถิติเมื่อวาน 39 คน
 สถิติเดือนนี้
สถิติปีนี้
สถิติทั้งหมด
451 คน
9728 คน
246398 คน
เริ่มเมื่อ 2010-06-28

ถิ่นวีรชนคนกล้า  คู่หล้าพระนอน
นามกระฉ่อนปลาแม่ลา  ย่านการค้าภาคกลาง
                                       
 
          สิงห์บุรี  ทันทีที่รถวิ่งเข้าสิงห์บุรี ความร่มรื่น แหล่งธรรม วัดวาอารามต่าง ๆ มากสมเป็นแผ่นดินที่เต็มไปด้วยเรื่องราวแห่งพุทธศาสนาที่ลึกซึ้ง  และประวัติศาสตร์ของชาติพันธุ์ชาวไทยที่ทรงไว้ซึ่งอิสรภาพ ทุกชีวืตถูกเชื่อมโยงและผูกพัน  ภายใตเครื่องหมายแห่งความสงบ วัด วิหาร อุโบสถ ปูชนียสถาน  ปูชนียวัตถุ ที่ถูกสร้างขึ้น รายล้อมอยู่รอบเมือง ตามเส้นทางแห่งสายน้ำ มีแม่น้ำ 3 สายไหลผ่าน คือ แม่น้ำเจ้าพระยา  แม่น้ำน้อย และแม่น้ำลพบุรี
          สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงเล่าถึงเมืองสิงห์ไว้ว่า “ เมืองสิงห์บุรีเป็นเมืองใหญ่และเก่ามาก มีป้อมปราการ วัง วัดมหาธาตุและของสำคัญคือ พระนอนจักรสีห์ใหญ่กว่าพระนอนองค์อื่น ๆ ในเมืองไทย ทำเป็นแบบพระนอนอินเดียเหมือนเช่นที่ถ้ำเมืองยะลา  เมืองสิงห์บุรีเรียกชื่อต่างกันดังนี้คือ  เมืองสิงหราชาธิราช  เมืองสิงหราขา  เป็ฯเมืองที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำจักสีห์ อันเป็นลำน้ำใหญ่ห่างจากแม่น้ำเจ้าพระยา 200 เส้น เพราะแม่น้ำจักสีห์ตื้นเขิน  เมืองสิงห์จึงกลายเป็นเมืองลี้ลับ”
          เมืองสิงห์บุรีตั้งขึ้นเป็นจังหวัดสิงห์บุรี เมื่อปี พ.ศ.2438 ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5  เสน่ห์ของเมืองสิงห์บุรี คือ การตั้งชื่อถนนในเมืองเป็นชื่อวีรชนบ้านบางระจัน เข่นถนนนายแท่น ถนนนายดอก ถนนนายอิน ถนนนายเมือง ถนนขุนสรรค์ เป็นต้น และนอกจากนี้จังหวัดสิงห์บุรียังเป็นเมืองที่มีวัดมากมายทั้งเก่าและใหม่ต่างยุคกัน
          ที่เที่ยวที่เราลืมไม่ได้กันเลยคือ วัดพระนอนจักรสีห์วรวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี อยู่ในตำบลจักรสีห์ สันนิษฐานว่าวัดนี้สร้างสมัยก่อนกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี  ภายในวิหารเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปไสยาสน์ขนาดใหญ่ มีพุทธลักษณะแบบสุโขทัยที่มีความงดงามมาก มีความยาว 47 เมตร 42 เซนติเมตร ลักษณะพระพักตร์ หันไปทางทิศเหนือ พระเศียรหันไปทางทิศตะวันออก  นอกจากนี้ยังมีพระกาฬ   เป็นพระพุทธรูปศิลาลงรักปิดทอง และพระแก้ว พระหล่อนั่งขัดสมาธิเพชรอันศักดิ์สิทธิ์และมีพระพุทธลักษณะงดงามทั้งพระกาฬและพระแก้วสร้างในสมัยรัชกาลที่ 5 ใช้เป็นพระประทานในการถือน้ำพิพัฒน์สัตยาของข้าราชการ ด้านหน้าวิหารมีต้นสาละลังกาใหญ่ต้นไม้สำคัญ ในพระพุทธศาสนาผลิดอกบานสะพรั่งหลายต้น 
          วัดพระนอนจักรสีห์วรวิหาร พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองชาวสิงห์บุรี เดิมเรียกว่า วัดพระนอน แต่สันนิษฐานว่าใต้วัดพระนอนลงไปราว 1,200 เมตร มีวัดอีกวัดหนึ่ง ชื่อ จักรสีห์  ข้อนี้เองจึงเป็นเหตุให้เรียกวัดทั้งสองว่า วัดพระนอนจักรสีห์ ภายในวิหารยังเป็นที่ประดิษฐานองค์พระแก้ว และพระกาฬ ซึ่งกล่าวกันว่า พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานเป็นพระคู่บารมีพระพุทธไสยาสน์
          หลังจากนั้นเดินทางไปวัดพิกุลทอง  นมัสการหลวงพ่อแพอดีตเจ้าอาวาส เกจิอาจารย์ชื่อดังที่ชาวบ้านอำเภอ   ท่าช้าง  ให้ความเคารพนับถือ ภายในบริเวณวัดเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธสุวรรณมงคลมุนี พระพุทธรูปปางประทานพรองค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ที่เราไปเป็นวันหยุดพอดี ตรงลานวัดมีพ่อค้าแม่ค้ามาขายผลไม้จากสวน ขนมไทยโบราณฝีมือชาวบ้าน และอาหารหลากหลายชนิด
          ก่อนกลับบ้านเราแวะไปสักการะอนุสาวรีย์วีรชนค่ายบางระจัน เพื่อรำลึกถึงวีรกรรมผู้กล้า ผู้เสียสละเพื่อชาติ แล้วเราก็เดินข้ามถนนมายังวัดโพธิ์เก้าต้น ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นที่ตั้งมั่นของชาวบ้านบางระจัน เมื่อครั้งตั้งค่ายต้านศึกผู้บุกรุก และทุกปีจะมีงานสดุดีวีรชนชาวบ้านบางระจันเพื่อราลึกถึงวีรกรรมอันยิ่งใหญ่เมื่อครั้งอดีต
          เที่ยว 3 จังหวัดในภาคกลางเพียงวันเดียว อาจจะสนุกไม่น้อย แต่ถ้าจะให้เต็มที่ต้องไปต่ออีกคราวหน้าแล้วเรามาเจอกันที่อยุธยา อ่างทอง และสิงห์บุรีอีกนะคะ                                     
 

 

 


 

Copyright (c) 2006 by workingsociety.com