ไก่เลี้ยงคน
ไก่สัตว์ปีกตัวเล็ก มีขนสีขาวบ้าง บางตัวก็มีขนหลายสีสลับกัน ทำให้เกิดความสวยงาม ตัวเล็ก ตัวใหญ่ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ ไก่เนื้อ ไก่ไข่ ไก่สวยงาม ไก่ชน ไม่ว่าจะเป็นสายพันธ์อะไร ก็สามารถทำรายได้ให้คนร่ำรวยได้
บรรพต และสุเบ็ญจา จำปาเรือง สองสามีภรรยา ที่จับมือก่อร่างสร้างตัวกันมาด้วยความรักและความอดทนต่อสู้มาจนปัจจุบัน มีกิจการร้านถึงสองสาขา ด้วยการมองหาสถานที่ ทำเลในการขาย ติดต่อเจ้าของที่ เลือกสรรควัตถุดิบที่จะนำมาประกอบอาหาร การบริการดูแลลูกค้าด้วยความใจดี เป็นกันเองของคนทั้งสองนี้ ทำให้กิจการร้านขายของเขามีลูกค้าแวะเวียนกันมาไม่ขาด
เริ่มต้นชีวิตของบรรพต ก่อกำเนิดมาจากหมู่บ้านลิ้นฟ้า หมู่บ้านนี้ คนทั้งหมู่บ้านจะมีอาชีพขายก๋วยเตี๋ยวทั้งหมู่บ้าน ก็เรียกว่าเติบโตมากับก๋วยเตี๋ยว โตพอใช้งานได้ก็ติดตามพี่ ป้า น้า อา ออกไปช่วยเขาขายก๋วยเตี๋ยว ช่วยเก็บถ้วย จาน ชามล้าง จัดเตรียมของ ก็แล้วแต่ที่จะช่วยเขาได้ ก็ประกอบกิจการก๋วยเตี๋ยวมาตั้งแต่เด็ก
ต่อมาน้าก็มาขายก๋วยเตี๋ยวที่กรุงเทพฯ ขายบะหมี่หมูแดง ซึ่งได้ไปขายตามซอยต่างๆ โดยใช้รถซาเล็ง ที่เขาเรียกกันว่าก๊วยเตี๋ยว บ๊อกๆ ตอนนั้นบรรพตอายุประมาณสิบสี่ปี พอปิดเทอมก็มาช่วยน้าขายก๋วยเตี๋ยวบะหมี่ ช่วยล้างชาม เก็บชามแล้วซ้อนท้ายไปเรื่อยๆ ไปตามซอยต่างๆ พอเปิดเทอมก็กลับไปบ้านไปเรียนต่อ ซึ่งได้ทำอย่างนี้ทุกปิดเทอมเลย พอจบมอสามก็ไปเรียนต่อที่โรงเรียนเทคนิค แต่ชอบขายก๋วยเตี๋ยวมากกว่า ก็เลยลาออกมาขายก๋วยเตี๋ยวบะหมี่หมูแดงอย่างเดียว
พออายุประมาณสิบเจ็ดปี ก็กลับไปเรียน กศน. โดยก็เริ่มอาชีพขายก๋วยเตี๋ยวบะหมี่หมูแดง ซึ่งได้ขายไปเรียนไปด้วย จนจบมอหก แต่ก็เห็นแล้วว่าอาชีพขายก๋วยเตี๋ยวทำรายได้ดี สามารถเลี้ยงชีวิตได้ แต่การเรียนก็ยังสำคัญอยู่ เมื่อจบมอหกแล้ว ก็มีความคิดที่อยากจะเรียนต่อ ก็ได้เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง วันธรรมดา คือวันจันทร์ถึงวันศุกร์ ก็ไปเรียน ส่วนเสาร์- อาทิตย์ก็ออกรถซาเล็งออกขายก๋วยเตี๋ยวบะหมี่หมูแดง ไปตามถนนหนทาง ตรอก ซอก ซอย แล้วเคาะไม้บ๊อกๆๆ ไป รายได้ ได้วันละหลายร้อยบาททีเดียว ก็เก็บเงินเอาไว้ เพื่อจะนำเอาไปใช้ในวันจันทร์-วันศุกร์ ที่ไปเรียนราม ก็ได้ตั้งใจเรียนราม อยู่สองปี แต่ก็มีความคิดว่าการเรียนไม่ใช่สิ่งที่ต้องการ ก็เลยตัดสินใจเลิกเรียน มาประกอบอาชีพดีกว่า ซึ่งเราก็เห็นแล้วว่าการทำงาน การขายก๋วยเตี๋ยวสามารถทำรายได้ และพอที่จะใช้จ่ายได้
ในตอนที่เรียนราม ก็ได้รู้จักกับสุเบ็ญจา ก็ได้พูดคุยกัน ทำให้เกิดความรู้สึกชื่นชอบ ประกอบกับญาติ ของสุเบ็ญจา อยู่แถวพระรามสอง ก็เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้บรรพต ตัดสินใจยึดอาชีพขายก๋วยเตี๋ยวแทนการไปเรียนที่รามคำแหง เพราะในวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ก็ต้องขายก๋วยเตี๋ยวบะหมี่หมูแดง ก็ จึงรู้ว่ารายได้ต่อวันก็หลายร้อยบาทอยู่แล้ว ถ้าขายทุกวันก็จะทำรายได้หลายร้อยบาท ตอนนั้นก็เริ่มมองหาสถานที่ โดยมีสุเบ็ญจา เป็นที่ปรึกษา ในปี พ.ศ. ๒๕๔๒ ได้เริ่มมีรถเข็นขายก๋วยเตี๋ยวน้ำตกหมู ก็ไปจอดขายอยู่ตามตลาดนัดสะแกงาม ซึ่งได้ขายตั้งแต่เย็นจนถึงเที่ยงคืน ส่วนเช้าก็จะไปขายบ๊อกๆ ก็ได้ให้น้องชายช่วยขายที่สะแกงามด้วย เพราะตัวเองไม่ไหว
ปี พ.ศ. ๒๕๔๕ ก็เปลี่ยนมาขายก๋วยเตี๋ยวไก่ ให้ภรรยาสุเบ็ญจา ขายอยู่ที่ร้าน ส่วนตัวบรรพตก็นำรถไปขายก๋วยเตี๋ยวไก่บ๊อกๆ โดยไปจอดขายเป็นจุดๆ ตามซอยเดิม จุดเดิม ทุกวัน วันละสี่ซอย ขายก๋วยเตี๋ยวไก่ใหม่ๆ รายได้ต่อวันวันละแปดร้อย เก้าร้อยบาท ต่อมาในปี ๒๕๔๗ ได้เลิกร้านที่สะแกงาม เหลือรถซาเล็งคันเดียว ได้มาขายอยู่ใต้ทางด่วน ได้เริ่มขายก๋วยเตี๋ยวไก่ปุฟเฟ่ต์ ราคาชามละสิบบาท ตอนนั้นขายอยู่เจ้าเดียว พอขายไปขายมา ก็เริ่มมีพ่อค้ารายอื่นๆ เข้ามาขายด้วย เทศกิจก็เลยห้ามไม่ให้ขาย ทำอยู่ได้ประมาณสองปี ก็ต้องเริ่มองหาที่ใหม่
ต้องมาติดต่อหาที่ ก็มาได้ที่ข้างทาง ก็เป็น ป่ารก หญ้าขึ้นเต็มไปหมด ก็ต้องมาปรับสถานที่ใช้เต้นท์กาง สองเต้นท์ ก็ได้ร้านขายก๋วยเตี๋ยวไก่ที่ตั้งอยู่ข้างทาง ก็ได้ดำเนินกิจการขายมาครบสัญญา เจ้าของที่ดินก็ขึ้นราคาเช่าอีก จึงไม่ไหว ขายอยู่ได้ประมาณสองปี ก็เป็นเหตุที่จะต้องย้ายร้านอีกครั้ง ก็ต้องออกมามองหาสถานที่ โดยไปติดต่อเจ้าของที่อีกที ก็เจอเจ้าของที่ใหม่ก็เป็นคนดี โดยได้ตั้งร้านอยู่จนถึงปัจจุบันนี้
ร้านก๋วยเตี๋ยวไก่มะระตองอู ร้านปัจจุบัน เริ่มในปี พ.ศ.๒๕๕๐ ตั้งอยู่ริมถนนทางด่วนต่างระดับพระประแดง เป็นร้านก๋วยเตี๋ยวไก่ ปุฟเฟ่ต์ ที่ราคายี่สิบห้าบาท มีข้อไก่ ตีนไก่ ปีกไก่ ให้เติมได้ตลอด ต่อมาราคาไก่ และของทุกอย่างขึ้นราคาหมด ทางร้านก็ไม่ไหว เมื่อประมาณหกเดือนที่ผ่านมานี้ทางร้านก็ต้องขอขึ้นราคาเป็นชามละสามสิบบาท และบุฟเฟ่ต์ก็เหลือแต่ข้อไก่ แต่เราก็ให้ตักได้ เติมได้ ความสบาย ก็จะมีถั่วงอก มะระ ใบโหระพา หยิบเติมได้ตลอด ร้านเรามีความอร่อยและความเป็นกันเองกับลูกค้าทุกคน ในแต่ละวันจะใช้ไก่ประมาณเจ็ด-แปดตัว ใช้ข้อไก่ประมาณห้าสิบกิโลกรัม โหระพาก็วันละสี่กิโลกรัม มะระวันละยี่สิบกิโลกรัม ถั่วงอกวันละสี่สิบกิโลกรัม ใช้เส้นก๋วยเตี๋ยวประมาณสี่สิบ-ห้าสิบกิโลกรัม ต่อวัน มีลูกน้องช่วยสองคน เลี้ยงอาหารเช้า เที่ยง
ในเรื่องการบริการลูกค้าไม่ต้องห่วง มีแต่ความประทับใจ ตักเท่าไร ไม่เคยว่า พูดจาทักทายเป็นกันเอง ก็เลยทำให้มีลูกค้าเก่าใหม่ แวะเวียนกันมา ส่วนในเรื่องของความอร่อยก็ไม่เป็นรองใคร ในเรื่องก๋วยเตี๋ยวไก่มะระ ไม่ว่าจะเป็นสาขาไหน ความอร่อยไม่เปลี่ยน ข้อไก่ ผักต่างๆ หยิบได้ตามใจ ไม่มีว่า ไม่มีหวง บรรยากาศในร้าน นั่งรับประทานก็แบบลูกทุ่ง ได้บรรยากาศของก๋วยเตี๋ยวไก่มะระริมทาง ข้อสำคัญความอร่อย คือ น้ำซุปก็รสชาติพอดี ข้อไก่เปื่อยๆ กระดูกอ่อน มีเอ็นไก่ ให้เคี้ยวกุ๊บๆ
ส่วนสาขาที่สองในเดือนตุลาคม ที่จะถึงนี้จะครบสองปี ก็คงต้องหาสถานที่ใหม่ เพราะเจ้าของที่จะขึ้นราคาค่าเช่าอีก โครงการแรกจะต้องหาสถานที่ใหม่ให้สาขาที่สอง เพราะสาขาที่สองพี่สาวของภรรยาเป็นผู้ดำเนินกิจการ โครงการต่อไปที่กำลังดูแลอยู่และศึกษาหาข้อมูล ก็คือการขยายแฟรนไซด์ ก็คิดว่าน่าจะทำได้ ถ้าใครต้องการแฟรนไซด์ก็ติดต่อที่ร้านได้
หลักการในการบริหารจัดการ ก็ใช้หลักแบบญาติ พี่น้อง ช่วยกันดูแล ส่วนการดูแลลูกค้าให้หลักการบริการที่เป็นกันเอง ให้ความอร่อย ความจริงใจต่อต่อลูกค้า ส่วนการเพิ่มสาขายังไม่ไหวในตอนนี้
ณ จุดนี้เราพอใจแล้วที่เราก้าวขึ้นมาได้ขนาดนี้ รายได้ทั้งสองสาขา ก็จัดอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ สาขาที่สองจะได้น้อยกว่าสาขาแรกประมาณครึ่งหนึ่ง ทุกอย่างตอนนี้ก็ถือว่าใช้ได้ ผมพอใจ โอเคแล้ว ส่วนเรื่องสถานที่ก็มีการปรับปรุงโดยรอบๆ เพื่ออำนวยความสะดวกในเรื่องสถานที่จอดรถ ในชีวิตผมถ้าผมไม่กล้าที่จะลงทุนก็จะไม่มีวันนี้ ผมต้องเอารถไปเข้าไฟเน้นท์ มาลงทุนทำร้านปัจจุบัน แต่มันก็คุ้มที่มาทำราย ได้เกิดผลกำไร มีบ้าน มีที่อยู่อาศัย มีรถยนต์ มีครอบครัว มีลูกสองคน คนโตอายุเจ็ดปี เรียนอยู่ชั้นประถมปีที่หนึ่ง คนเล็กอายุสามขวบ เรียนอยู่ชั้นอนุบาล มีรายได้จากการขายก๋วยเตี๋ยวไก่ ได้ดูแลคนทั้งครอบครัว ผมก็ยึดอาชีพขายก๋วยเตี๋ยวไก่ไม่เปลี่ยนแปลง เห็นไหมว่าไก่ก็มีประโยชน์กว่าที่เราคิดจริงๆ
จากชีวิตหนึ่งที่ตั้งใจที่จะยึดอาชีพใดอาชีพหนึ่ง แต่ด้วยทักษะและความรู้ ประสบการณ์ ตั้งแต่เด็กทำให้เกิดความชำนาญในการทำก๋วยเตี๋ยว ก็เลยยึดเอาความถนัดนี้มาประกอบเป็นอาชีพให้เกิดรายได้เลี้ยงตนเอง พ่อแม่ ครอบครัวได้อย่างสุขสบาย มันสำคัญอยู่ที่ว่าเราถนัดอะไร อาชีพทุกอาชีพมีเกียรติหมด ถ้าเป็นสิ่งที่ไม่ผิดกฎหมาย การศึกษาเป็นสิ่งประกอบชีวิตคน แต่การอาชีพทำให้คนดำเนินชีวิตไปได้
|