ถ้าย้อนเวลากลับไปเมื่อ 100 ปีที่แล้ว จะเห็นภาพการค้าขายริมน้ำที่มีเรือพ่อค้า แม่ค้า เข้ามาจอดลอยลำขายสินค้านานาชนิด ผู้คนต่างมาเลือกซื้อสินค้ากันขวักไขว่ และหนึ่งในนั้นก็มี"ตลาดวัดกลาง"(สมัย100ปี) นี้อยู่ด้วย ซึ่งที่นี่เป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในย่านฝั่งธนบุรี
ตำนาน"สุริยากาแฟ" เริ่มต้นที่นี่(ตลาดวัดกลาง) เรือกาแฟในตลาดวัดกลาง มีเตี่ย (นายโหงว แซ่ลิ้ม) ของคุณวินัย เลิศธานินทร์วณิช ที่ขายเป็นเจ้าแรกและเจ้าเดียวเมื่อ 100 ปีที่แล้ว พอมาถึงรุ่นที่ 2 คือรุ่นของคุณวินัย เลิศธานินทร์วณิชจึงใช้ชื่อว่า"สุริยากาแฟ" ซึ่งนับจากวันนั้นถึงวันนี้ สืบทอดกิจการต่อมา รวมเวลา 100 ปีแล้ว และการเดินทางของ"สุริยากาแฟ" ก็จะยังคงก้าวต่อไป
และในวันนี้ทาง www.workingsociety.com ได้รับเกียรติจากคุณวินัย เลิศธานินทร์วณิช ผู้สืบทอด"สุริยากาแฟ" เป็นรุ่นที่ 2 ได้เล่าถึงตำนานของ"สุริยากาแฟ"ให้ฟังว่า
"เริ่มแรกคือเตี่ยของผมเดินทางมาจากเมืองจีน ตอนนั้นเตี่ยอายุแค่ 19 ปี(พ.ศ.2461)เข้ามาเมืองไทยก็เริ่มมาขายกาแฟโดยพายเรือมาขายที่ตลาดวัดกลาง พอพายเรือมาถึงก็หาบมาขาย โดยต้องมากางผ้าใบ ยังไม่มีร้าน สมัยรุ่นเตี่ยตอนนั้นตลาดวัดกลางคนน้อย ถนนยังไม่มี พวกเรือต่างๆ ก็พายมาขาย มีเรือผลไม้จากบางแวก มีหมากพลู อะไรๆ ก็พายเรือมาขายที่ตลาดวัดกลาง เป็นแหล่งรวมการค้าขายเลยที่นี่ ภาพที่เรายังจำได้คือ เตี่ยจะใช้หม้อชงกาแฟ เป็นชุดกาแฟทองเหลือง(ซึ่งทายาทยังคงเก็บรักษาไว้) และกาแฟของเตี่ยก็จะคั่วเอง ใส่กาแฟ ใส่งา ใส่เนย ใส่น้ำตาลทรายแดง ลงไปคั่วในกระทะ คั่วไปจนกว่าธูปดอกหนึ่งที่เตี่ยจุดไว้หมดก็เลิกคั่ว สมัยก่อนไม่มีนาฬิกา อันนี้จะเรียกว่าเป็นกาแฟโบราณคั่วบด และสมัยก่อนพวกชาก็ยังไม่เป็นที่นิยม จะมีบ้างแต่เป็นพวกชากระป๋อง มีชาตรามือ ตราอูฐ ตราเหรียญ"
จากรุ่นแรก(เตี่ยของคุณวินัย เลิศธานินทร์วณิช) ดำเนินกิจการขายกาแฟมาตลอดถึง 36 ปี จึงก้าวเข้าสู่รุ่นที่ 2 คือ รุ่นของคุณวินัย เสิศธานินทร์วณิช
"ในปีพ.ศ.2497 เตี่ยผมอายุ 55 ปีได้ ท่านเสียชีวิต ซึ่งพอเตี่ยเสีย พี่ชายคนโตก็มาขายกาแฟต่อจากเตี่ยก่อน พอในปีพ.ศ.2501 ผมก็มารับสืบทอดต่อ ตั้งแต่รุ่นเตี่ยผมไม่มีชื่อร้าน พอผมขายมาสักระยะที่เริ่มมาเรื่อยๆ จากปี พ.ศ.2501 พอถึงปีพ.ศ.2503 ระหว่างขายกาแฟไปก็เริ่มมีการจัดนำเที่ยวด้วย โดยใช้รถบัสไม่มีแอร์ ใช้ชื่อว่า สุริยาทัศนาจร เพื่อนๆ ก็บอกว่า น่าจะใช้ชื่อ "สุริยากาแฟ" ด้วย ก็เลยใช้ชื่อนี้ตลอดมา สมัยรุ่นผมเนี่ย ผมมายืนชงโอเลี้ยงถ้วยละ 50 สตางค์ กาแฟดำร้อนถ้วยละ 40 สตางค์ กาแฟร้อนถ้วยละ 70 สตางค์ การขายห้ามเกินราคา เพราะจะมีป้ายของสหกรณ์มาติดไว้ ถ้าขายเกินราคาถูกจับ(ในปีพ.ศ.2501) พอมาสมัยผม กาแฟก็ไม่ได้คั่วเองแล้ว เพราะถ้าคั่วเองต้องใช้เวลาจะเสียเวลาไป 1 ว้นเต็มๆ ครับ ซึ่ง"สุริยากาแฟ"มีถึง 3 สาขา คือจะมีที่ตลาดวัดกลาง เป็นที่เริ่มแต่แรก แล้วผมก็ขยายมาที่ร้านซอยเทอดไท 33 และที่ตลาดพลู(ในปีพ.ศ.2546)ที่นี่ลูกชายทั้งสามคนจะช่วยกันขายแบบผลัดเวรกันตามแต่พี่น้องตกลง เวลากันครับ"
การเดินทางของสุริยากาแฟ ได้สืบต่อมาจนถึงรุ่นที่ 3 คือรุ่นลูกชายของคุณวินัย เลิศธานินทร์วณิช ซึ่งผู้เป็นพ่อ เลี้ยงลูกชายได้อย่างน่ารักและลูกชายทั้ง 3 คน ยังคงสืบทอดอาชีพของบรรพบุรุษอย่างเห็นคุณค่า
"ลูกๆ เริ่มมาขายตั้งแต่อายุ 20 ปี พอลูกรับปริญญาคิดว่าเขาไม่เอา แต่เขาเอา พวกเขามาขายต่อ คนโตจบปริญญาทำงานดีทแฮล์ม แล้วก็ลาออกมาขายกาแฟ 3 พี่น้องมาช่วยกันขายกาแฟหมด จะช่วยกันขายแบบสลับกันขาย ลูกชายคนโตมาตี 5 กว่า ๆ ขายถึง 4 โมงเย็น พอเย็นลูกชายคนเล็กก็มารับช่วงต่อ 3 พี่น้องช่วยกันสืบทอดการขายกาแฟต่อมา เราขายทุกวัน ไม่มีวันหยุด ปิดร้าน 4 ทุ่ม และก่อนที่ลูกของผมทั้ง 3 คนจะมาขายเก่งเหมือนในทุกวันนี้ พวกเขาต้องชงชา กาแฟ มาให้ผมชิมก่อนว่าใช้ได้หรือยัง ถ้ารสชาติยังใช้ไม่ได้ ยังไม่ให้ออกไปขาย ถ้าออกมาขายต้องอร่อย เพราะเราเอาชื่อป้าย"สุริยากาแฟ"มาติดแล้วต้องอร่อยต้องแน่นอน"
ในวันนี้ลูกชายคนกลาง ธนสิทธิ์ เลิศธานินทร์วณิช ได้เล่าถึงความรู้สึกที่ได้สืบทอดกิจการต่อไปว่า
"คือเห็นป๊าชงกาแฟมาตั้งแต่เด็ก มันเป็นความผูกพันและความรักในอาชีพ ตอนก่อนที่ผมยังไม่ได้มาเปิดขายที่ตลาดพลู ผมอยากจะขายกาแฟมาก ถึงขนาดร้องไห้ อยากขายกาแฟมากๆ ผมก็ไปหาที่แถวตลิ่งชัน เอาของใส่มอเตอร์ไซค์ขับไปตี 5 ขายถึง 8 โมงเช้า ขายเสร็จไปเรียนหนังสือ เรียนหนังสือเสร็จไปขายต่อ ทำอยู่อย่างนี้ครับ แต่ทำเลไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ป๊าเลยบอกว่า เดี๋ยวป๊าหาทำเลให้ใหม่ ก็เลยมาได้ที่ตรงตลาดพลูนี่ครับ"
เมื่อถามลูกชายคนกลางของคุณวินัย เลิศธานินทร์วณิชว่า อะไรที่ได้เรียนรู้มาจากคุณพ่อบ้างและถือว่าเป็นสิ่งยึดเหนึ่ยวประจำใจเลย ได้รับคำตอบที่ซึ้งใจว่า
"ที่ป๊าสอนมาตลอดและถือปฏิบัติตามมาคือ เราต้องใช้วัตถุดิบที่ดีที่สุด คุณภาพในการชง การบริการเราต้องดีกับลูกค้า ในเรื่องของราคาด้วยจะไม่ปรับขึ้นราคา เพราะถ้าเราอยู่ได้เราคำนวณแล้ว เราจะยังคงราคาเดิม ไม่ขึ้นราคา ลูกค้าประจำเยอะ เราต้องยืนหยัดราคา ชาที่เราเลือกใช้แพงที่สุด ที่เขาใช้ในโรงแรมระดับ 5 ดาว แต่เราก็เลือกให้ลูกค้าเราแบบนี้ตลอดมา มาลองชิมชาที่เขาว่าเป็นชาที่ดีที่สุดในโลก แต่เรามาขายในราคาที่ถูกที่สุดในโลกกันครับ"
การเดินทางของสุริยากาแฟจากรุ่นสู่รุ่น เติบโตมายาวนานกว่า 100 ปี มีถึง 3 สาขาคือ วัดกลาง เทอดไท 33 และตลาดพลู ขอชื่นชมกับบทพิสูจน์ของความขยัน ความตั้งใจจริง และความรักในอาชีพ ทำให้ "สุริยากาแฟ" ยังคงเดินทางในเส้นทางนี้ต่อไปและ...ตลอดไป...